ไวรัสโคโรน่าเป็นไวรัสที่จัดอยู่ในวงศ์ใหญ่ที่สุดในบรรดาไวรัสที่พบในทั้งสัตว์และคน ไวรัสโคโรน่ายังเป็นสาเหตุทำให้เกิดความเจ็บป่วยต่าง ๆ ตั้งแต่โรคหวัดธรรมดาจนถึงโรคที่ทำให้เกิดความเจ็บป่วยอย่างรุนแรง เช่น โรคทางเดินหายใจตะวันออกกลาง (MERS) และ โรคระบบทางเดินหายใจเฉียบพลันร้ายแรง (SARS)
ไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ คือ สายพันธุ์ไวรัสโคโรน่า ที่ไม่เคยถูกพบในคนมาก่อน และไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่นี้มีชื่อเรียกว่า 2019-nCoV หรือ ไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่ไม่เคยพบมาก่อนที่จะมีรายงานการระบาดในเมืองอู่ฮั่น สาธารณรัฐประชาชนจีน ในเดือนธันวาคม 2562 ที่ผ่านมา
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่
ไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 นี้ไม่ใช่ไวรัสชนิดเดียวกันกับไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคระบบทางเดินหายใจเฉียบพลันร้ายแรงหรือ SARS ถึงแม้ไวรัสทั้งสองชนิดนี้มาจากวงศ์เดียวกันแต่ไม่ใช่ชนิดเดียวกัน
ผู้ที่ติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 นี้จะมีอาการเช่นเดียวกับผู้ป่วยที่มีการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ โดยจะแสดงอาการตั้งแต่ระดับความรุนแรงน้อย ได้แก่ คัดจมูก เจ็บคอ ไอ และมีไข้ โดยในบางรายที่มีอาการรุนแรงจะมีอาการปอดบวมหรือหายใจลำบากร่วมด้วย บางรายเสียชีวิตได้แต่พบไม่บ่อยนัก แต่หากผู้สูงอายุและผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน และโรคหัวใจ จะเป็นกลุ่มที่เสี่ยงต่อการเจ็บป่วยรุนแรงหากได้รับเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่
จากการสอบสวนพบว่า ไวรัสโคโรน่าที่ทำให้เกิดโรคซาร์ส (SARS-CoV) สามารถติดต่อจากชะมดสู่คนได้ ซึ่งมีรายงานพบที่จีนในปีพ.ศ. 2545 ต่อมาเมื่อปีพ.ศ. 2555 มีรายงานพบไวรัสโคโรน่าที่ทำให้เกิดโรคเมอร์ส(MERS-CoV) ในประเทศซาอุดิอาระเบีย โดยพบว่ามีการติดต่อจากอูฐหนอกเดียวสู่คน ไวรัสโคโรน่าที่เคยทราบสายพันธุ์บางชนิดมีการติดต่อแพร่หลายในสัตว์แต่ยังไม่สามารถติดต่อมาสู่คนได้ ต่อมาทั่วโลกได้มีการพัฒนาระบบเฝ้าระวังเพิ่มขึ้น จึงทำให้มีการระบุสายพันธุ์ไวรัสโคโรน่าได้มากขึ้น
ขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานยืนยันแน่ชัดว่าสัตว์ชนิดใดที่เป็นพาหะนำเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าท่านจะได้รับเชื้อไวรัสดังกล่าวได้จากสัตว์อื่นๆ หรือจากสัตว์เลี้ยง เป็นที่ทราบกันว่าสัตว์ที่เป็นแหล่งพาหะน่าจะมาจากตลาดค้าสัตว์ในจีนซึ่งเป็นแห่งแรกที่มีการรายงานว่ามีการติดเชื้อในคน ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันตนเอง หากต้องไปอยู่ในตลาดค้าสัตว์เหล่านี้ ให้หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสัตว์ที่มีชีวิตอยู่โดยปราศจากการป้องกันใดๆ
สิ่งที่ควรทำคือควรหลีกเลี่ยงการบริโภคผลิตภัณฑ์จากสัตว์ที่ยังไม่ผ่านการทำให้สุก การสัมผัสเนื้อดิบ นม หรืออวัยวะสัตว์ควรเพิ่มความระมัดระวัง หลีกเลี่ยงการปนเปื้อนระหว่างอาหารที่ยังไม่ปรุงให้สุกและปฏิบัติตามหลักอาหารปลอดภัย
ขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานใดๆ ที่บ่งชี้ว่าสัตว์เลี้ยง เช่น สุนัข และแมวสามารถติดต่อ หรือแพร่เชี้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 ได้
ไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคระบบทางเดินหายใจด้วย และสามารถติดต่อจากคนสู่คนได้ โดยการคลุกคลีอย่างใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสชนิดนี้อยู่แล้ว เช่น ผู้ป่วยที่อยู่ในบ้าน สถานที่ทำงาน หรือ ศูนย์บริการทางสุขภาพ เป็นต้น
ติดตามเฝ้าระวังข้อมูลการระบาดล่าสุดอย่างใกล้ชิด ซึ่งสามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ขององค์การอนามัยโลก และดูแลสุขภาพตนเองดังนี้
- ล้างมือบ่อยๆ ด้วยสบู่และน้ำ หรือใช้เจลล้างมือที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ ถึงแม้มือจะไม่มีคราบสกปรกก็ตาม เนื่องจาก การล้างมือด้วยสบู่และน้ำหรือการใช้เจลล้างมือที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์นั้น สามารถกำจัดไวรัสที่อาจจะตกค้างอยู่ที่มือของท่านได้
- รักษาระยะห่างจากผู้อื่นอย่างน้อย 1 เมตร หรือ 3 ฟุต โดยเฉพาะผู้ที่มีอาการไอ จาม หรือมีไข้ เนื่องจาก ขณะที่ผู้ป่วยที่มีการติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ เช่น ไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 การไอ หรือจาม จะทำให้มีเชื้อไวรัสติดออกมากับละอองที่เกิดจากการไอหรือจาม หากท่านอยู่ใกล้คนเหล่านี้มากเกินไป ท่านอาจจะหายใจเอาไวรัสเหล่านั้นเข้าไป
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสตา จมูกและปาก เนื่องจาก การสัมผัสอวัยวะเหล่านี้อาจจะทำให้มีการปนเปื้อนของเชื้อไวรัส หากท่านเอามือสัมผัสกับตา จมูกและปาก จะทำให้ไวรัสเข้าสู่ตัวท่านได้
- หากท่านมีไข้ ไอ หรือหายใจลำบาก ให้เข้ารับการรักษาแต่เนิ่น ๆ และหากท่านมีประวัติการเดินทางไปในพื้นที่ที่มีรายงานการระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือมีการสัมผัสอย่างใกล้ชิดกับผู้ที่เดินทางมาจากประเทศจีนและมีอาการติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ โปรดแจ้งให้หน่วยบริการทางสุขภาพทราบ เนื่องจาก เมื่อใดก็ตามที่ท่านมีไข้ ไอ หรือหายใจลำบากนั้น ท่านจำเป็นที่จะต้องเข้ารับการรักษาอย่างใกล้ชิด เพราะอาการดังกล่าวเป็นอาการของการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจหรืออาจจะมีอาการรุนแรงอื่นๆ ตามมาได้ ซึ่งอาการติดเชื้อทางเดินหายใจร่วมกับการมีไข้นั้น อาจจะเกิดจากหลายสาเหตุขึ้นอยู่กับสถานการณ์และประวัติการเดินทาง โดยไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ 2019 อาจจะเป็นสาเหตุหนึ่งของอาการเจ็บป่วยได้
- หากท่านมีอาการติดเชื้อที่ระบบทางเดินหายใจไม่รุนแรงและไม่มีประวัติการเดินทางกลับจากประเทศจีน โปรดดูแลตัวเองเบื้องต้น ล้างมือบ่อยๆ รวมทั้งพักผ่อนอยู่ที่บ้านจนกว่าอาการจะดีขึ้น
การสวมหน้ากากสามารถช่วยจำกัดการแพร่กระจายเชื้อที่เกิดจากระบบทางเดินหายใจได้ แต่อย่างไรก็ตามการใช้หน้ากากอนามัยอย่างเดียวไม่ได้รับประกันว่าจะยับยั้งการติดเชื้อได้ ดังนั้นท่านจึงควรมีมาตรการในป้องกันอื่นร่วมด้วย เช่น การล้างมือและสุขอนามัยทางเดินหายใจที่ดี รวมทั้งหลีกเลี่ยงการคลุกคลี และรักษาระยะห่างระหว่างท่านกับผู้อื่น อย่างน้อย 1 เมตร หรือ 3 ฟุต
องค์การอนามัยโลกแนะนำให้สวมหน้ากากอนามัยทางการแพทย์อย่างเหมาะสมเพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงการทิ้งขยะที่ไม่จำเป็นและการใช้หน้ากากอนามัยผิดวัตถุประสงค์ (โปรดดูคำแนะนำในการใช้หน้ากากอนามัย) ดังนั้นท่านควรใช้หน้ากากอนามัยเมื่อท่านมีอาการผิดปกติที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจเท่านั้น เช่น ไอ หรือจาม รวมทั้งสงสัยว่าติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 ที่มีอาการไม่รุนแรง หรือเมื่อท่านต้องดูแลกลุ่มผู้สงสัยว่าติดเชื้อดังกล่าว ส่วนในรายที่สงสัยว่าติดเชื้อนั้น มักจะเป็นผู้ที่มีการเดินทางมาจากจีนโดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีการรายงานการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือมีการคลุกคลีกับผู้ที่เดินทางมาจากจีนและมีอาการผิดปกติในระบบทางเดินหายใจ
1. ก่อนสวมใส่หน้ากากอนามัย ให้ล้างมือด้วยเจลล้างมือที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์หรือสบู่และน้ำ
2. สวมหน้ากากอนามัยให้คลุมบริเวณปากและจมูก เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีช่องว่างระหว่างใบหน้าและหน้ากาก
3. หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับหน้ากากอนามัยขณะใช้งาน หากมือไปโดนให้ล้างมือด้วยเจลล้างมือที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์หรือสบู่และน้ำ
4. สวมหน้ากากอนามัยที่ใหม่อยู่เสมอ และไม่ควรนำกลับมาใช้ซ้ำ
5. ถอดหน้ากากอนามัยจากด้านหลัง (ไม่ควรสัมผัสด้านหน้า) ทิ้งถังขยะที่ใกล้ที่สุดทันที จากนั้นล้างมือด้วยเจลล้างมือที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์หรือสบู่และน้ำ
คนทั่วไปที่อาศัยหรือเดินทางอยู่ในพื้นที่ที่มีรายงานระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ 2019 จะมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ โดยขณะนี้ไวรัสดังกล่าวมีรายงานการแพร่ระบาดในประเทศจีน ซึ่งเป็นพื้นที่ที่รายงานว่ามีการติดเชื้อเป็นกลุ่มใหญ่และมีการกระจายเป็นวงกว้าง ผู้ที่ติดเชื้อไวรัสที่มีรายงานในประเทศอื่นพบว่าเพิ่งเดินทางจากประเทศจีน หรือเป็นผู้ที่อาศัยหรือทำงานและคลุกคลีกับผู้เดินทาง เช่น สมาชิกในครอบครัว เพื่อนร่วมงาน หรือบุคลากรทาการแพทย์และสาธารณสุขที่ให้การดูแลผู้ป่วยก่อนที่จะยืนยันว่ามีการติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019
ผู้ปฏิบัติงานด้านการแพทย์และการสาธารณสุขที่ต้องดูแลผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 มีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อสูงกว่าคนทั่วไป ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีกระบวนการที่เหมาะสมเพื่อการป้องกันและควบคุมการติดเชื้อดังกล่าว
องค์การอนามัยโลกได้ติดตามการระบาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อทราบถึงแหล่งการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสและป้องกันไม่ให้คนทั่วไปติดเชื้อ หากท่านต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมสามารถติดตามสถานการณ์ล่าสุดได้ที่ https://www.who.int/emergencies/diseases/novel-coronavirus-2019/situation-reports สำหรับข้อมูลสถานการณ์ทั่วโลก หรือ
https://www.who.int/thailand/emergencies/novel-coronavirus-2019/situation-reports สำหรับข้อมูลสถานการณ์ในประเทศไทย
ผู้ที่สูงอายุ และผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน และโรคหัวใจ จะมีโอกาสเสี่ยงที่จะมีอาการรุนแรงมากกว่าคนทั่วไป ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาว่าไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 มีผลกระทบต่อคนอย่างไร
ไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่นี้ เป็นเชื้อไวรัสที่ติดต่อได้ผ่านระบบทางเดินหายใจ โดยการแพร่กระจายเชื้อในระดับปฐมภูมิ โดยเริ่มจากการสัมผัสกับผู้ติดเชื้อ ไปจนถึงการได้รับละอองที่เกิดจากระบบทางเดินหายใจจากรูปแบบอื่นๆ เช่น จากน้ำลายโดยผ่านทางการไอหรือจาม หรือผ่านทางสารคัดหลั่งจากจมูกหรือน้ำมูก เป็นต้น สิ่งสำคัญคือทุกคนจะต้องมีการปฏิบัติตนเพื่อสุขอนามัยทางเดินหายใจที่ดี เช่น เมื่อไอหรือจามให้ใช้ข้อพับแขนด้านในปิดปาก หรือใช้กระดาษชำระแล้วทิ้งในถังขยะใกล้ๆ ทันที สิ่งสำคัญที่สุดคือการล้างมือเป็นประจำไม่ว่าจะเป็นการล้างมือด้วยเจลล้างมือที่มีส่วนผสมแอลกอฮอล์ หรือการล้างมือด้วยสบู่และน้ำ
แม้ว่าข้อมูลเบื้องต้นจะชี้ให้เห็นว่า ไวรัสอาจจะมีชีวิตรอดได้ ไม่กี่ชั่วโมง แต่ในขณะนี้ยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัดว่าไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 สามารถอยู่นอกร่างกายมนุษย์ได้นานเท่าใด ดังนั้น การใช้น้ำยาฆ่าเชื้อทำความสะอาด จะสามารถกำจัดไวรัสได้และทำให้ไวรัสไม่สามารถติดคนได้
ผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือไวรัสไข้หวัดใหญ่ หรือไข้หวัดธรรมดา จะแสดงอาการติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ เช่น มีไข้ ไอ และคัดจมูก แม้ว่าอาการต่างๆ จะคล้ายคลึงกัน แต่สาเหตุเกิดจากไวรัสต่างสายพันธุ์กัน จึงทำให้ยากต่อการระบุหากประเมินจากอาการต่างๆ เพียงอย่างเดียว นั้นเป็นสาเหตุที่ว่าทำไมจึงต้องมีการยืนยันผลจากห้องปฏิบัติการในกรณีที่มีการติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019
สิ่งที่องค์การอนามัยโลกปฏิบัติเป็นประจำคือ หากท่านมีอาการไอ มีไข้ และหายใจลำบาก ท่านควรไปพบแพทย์แต่เนิ่น ๆ พร้อมทั้งให้ข้อมูลเกี่ยวกับการเดินทางย้อนหลัง 14 วันก่อนที่จะมีอาการดังกล่าว หรือมีการคลุกคลีอย่างใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่มีการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ
ระยะฟักตัวหมายถึงระยะเวลาที่มีการติดเชื้อจนถึงระยะที่เริ่มมีการแสดงอาการของโรค ปัจจุบันคาดว่าระยะฟักตัวของโรคใช้เวลาประมาณ 1 ถึง 12.5 วัน โดยค่าเฉลี่ยจะอยู่ระหว่าง 5-6 วัน ซึ่งหากมีข้อมูลเพิ่มเติมจะมีการปรับปรุงอีกครั้ง จากข้อมูลเบื้องต้นที่ได้จากโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์อื่น เช่น MERS และ SARS ทำให้คาดการณ์ว่าระยะฟักตัวของเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 น่าจะอยู่ที่ประมาณไม่เกิน 14 วัน องค์การอนามัยโลกแนะนำให้มีการติดตามผู้สัมผัสกับผู้ป่วยที่มีการยืนยันการติดเชื้อแล้วเป็นเวลา 14 วัน
สิ่งสำคัญของการควบคุมการระบาดของโรคคือ ความรู้ความเข้าใจเรื่องระยะเวลาที่ผู้ป่วยที่ได้รับเชื้อไวรัสสามารถแพร่กระจายเชื้อไวรัสสู่ผู้อื่นได้ รายละเอียดข้อมูลการรักษาของผู้ป่วยจึงมีความเป็นมากในการระบุระยะเวลาที่ชัดเจนของการติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 เมื่อเร็วๆ นี้มีรายงานถึงความเป็นไปได้ที่ผู้ที่ติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 นั้นอาจจะแพร่เชื้อได้ทั้งๆที่ยังไม่แสดงอาการของโรค แต่อย่างไรก็ตามจากหลักฐานที่มี ณ ปัจจุบัน พบว่าส่วนใญ่แล้วการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสเกิดจาก ผู้ที่แสดงอาการติดเชื้อแล้ว
คำแนะนำในการป้องกันสุขภาพยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง คำแนะนำเดียวกันกับที่ทางองค์การอนามัยโลกได้ให้แก่ประชาชนเกี่ยวกับการป้องกันตนเองจากการติดเชื้อไวรัสที่แพร่กระจายผ่านระบบทางเดินหายใจอื่นๆก็ใช้ได้กับการป้องกันตัวเองจากการติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ 2019 ด้วย
สิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งในสถานบริการดูแลสุขภาพคือการที่บุคลากรด้านการแพทย์และสาธารณสุขสามารถป้องกันตัวเองจากการติดเชื้อได้ องค์การอนามัยโลกมีแนวทางในการป้องกันการติดเชื้อและมีมาตรการควบคุมในสถานบริการดูแลสุขภาพ
พัสดุที่ถูกส่งมาจากประเทศจีนมีความปลอดภัย ผู้ที่ได้รับพัสดุนั้นไม่ได้มีความเสี่ยงที่จะสัมผัสกับไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ จากประสบการณ์ที่ผ่านมาพบว่าไวรัสประเภทนี้ไม่สามารถมีชีวิตอยู่บนสิ่งของ เช่น จดหมาย หรือพัสดุได้เป็นเวลานาน
ยาปฏิชีวนะไม่สามารถรักษาการติดเชื้อไวรัสได้ ยาปฏิชีวนะจะได้ผลดีในการรักษาการติดเชื้อจากแบคทีเรียเท่านั้น ดังนั้นจึงไม่ควรใช้ยาปฏิชีวนะในการป้องกันและรักษาการติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่
ขณะนี้ยังไม่มียารักษาเฉพาะที่มีการแนะนำให้ใช้เพื่อการรักษาหรือป้องกันการติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 แต่อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ติดเชื้อไวรัสดังกล่าวควรจะได้รับการดูแลรักษาที่เหมาะสมเพื่อบรรเทาและรักษาอาการต่างๆ และผู้ที่มีอาการรุนแรงควรได้รับการรักษาที่จำเพาะ ซึ่งวิธีการรักษานั้นขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาและมีการทดสอบทางคลีนิกก่อน ขณะนี้องค์การอนามัยโลกกำลังอยู่ระหว่างการประสานให้ความช่วยเหลือในการพัฒนายารักษาผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่กับเครือข่ายต่างๆ
หากท่านต้องการป้องกันตัวท่านเอง ไม่ให้ติดเชื้อไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่นี้ ท่านควรจะล้างมือและรักษาสุขอนามัยทางเดินหายใจที่ดีอยู่เสมอ รวมทั้งรับประทานอาหารที่ปรุงสุก และหลีกเลี่ยงการคลุกคลีอย่างใกล้ชิดกับผู้ที่มีอาการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ เช่น การไอ และการจาม
มาตรการต่อไปนี้ไม่แนะนำให้ดำเนินการเพื่อการรักษาและป้องกันการติดเชื้อจากไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 เนื่องจากเภสัชภัณฑ์เหล่านี้ไม่ได้มีผลในการป้องกันตัวท่านและยังเป็นผลเสียต่อสุขภาพอีกด้วย ได้แก่
- การกินวิตามินซี
- การสูบบูหรี่
- การดื่มชาสมุนไพร
- การสวมใส่หน้ากากอนามัยหลายชั้นเพื่อเพิ่มการป้องกัน
- การซื้อยามารับประทานเอง รวมถึง การทานยาปฏิชีวนะเอง
ไม่ว่าในกรณีใด ๆ หากท่านมีไข้ ไอ และหายใจลำบาก ให้รีบไปพบแพทย์แต่เนิ่นๆ เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดอาการรุนแรงจากการติดเชื้อ และควรจะแจ้งประวัติการเดินทางล่าสุดกับหน่วยบริการทางการแพทย์ที่ท่านเข้ารับ